วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ดนตรี




                                                     การเล่นดนตรี

       

                                            




                 ความหมายของดนตรี

        ศิลปะประเภทหนึ่ง ไม่เฉพาะแต่การเล่นเครื่องดนตรี การร้องเพลง หรือลีลาศเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงอักษรศาสตร์ทุกประเภท โดยเฉพาะ บทกวี นาฎกรรม วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์

       ดนตรีเป็นงานศิลปะที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยอาศัยเสียงเป็นสื่อถ่ายทอดความรู้สึกของศิลปิน เสียงดนตรีเป็นเสียงที่มีความงาม นำมาเรียบเรียงอย่างมีศิลปะ กลายเป็นบทเพลงความแตกต่างระหว่างเสียงดนตรีกับเสียงอื่น ๆ คือ เสียงดนตรีเป็นเสียงที่ประดิษฐ์ขึ้น

            เครื่องดนตรีสากล

    เครื่องดนตรีสากลประเภทเครื่องสาย







   ไวโอลิน คือ เครื่องดนตรีที่กำเนิดเสียงในระดับสูงมีทั้งหมด 4 ชนิด คือ ไวโอลิน วิโอลา เชโล และดับเบิลเบส เครื่องดนตรีในตระกูลไวโอลิน คือ เครื่องดนตรีหลักที่ใช้ในวงออร์เคสตร้า ลำตัวไวโอลินทำด้วยไม้ มี 4 สาย ตั้งเสียงต่างกันในระดับคู่ 5 (G , D , A และ E) ปกติจะเล่นโดยใช้คันชักสีที่สายให้สั่นสะเทือน แต่บางครั้งก็จะใช้นิ้วดีด เพื่อให้เกิดเสียงสั่น ไวโอลินจะต้องวางบนไหล่ข้างซ้ายของผู้เล่น แล้วใช้คางหนีบไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ มือขวาของผู้เล่นใช้สีสายไวโอลินด้วยคันชัก โดยทั่ว ๆ ไปคันชักจะทำด้วยหางม้า



กีตาร์ (Guitar) กีตาร์ คือ เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย เล่นโดยวิธีการดีด เกี่ยว ดึง หรือ กรีด ลงบนสายกีตาร์ อาจใช้นิ้ว หรือ เพล็คทรัมก็ได้ กล่องเสียงของกีตาร์มีลักษณะคล้ายไวโอลินขนาดใหญ่ คอยาว มีเฟลทโลหะคั่นอยู่ มี 6 สาย และมีหมุดยึดสายที่ปลายคอกีตาร์ สายชองกีตาร์มีทั้งที่ทำด้วยโลหะเเละไนล่อน
แทมบูริน เป็นเครื่องตีกระทบ ประกอบชิ้นด้วยขอบกลม เหมือนขอบกลองขนาดเล็กประมาณ 10 นิ้ว ขอบทำด้วยไม้พลาสติก หรือโลหะ รอบ ๆ ขอบติดด้วยแผ่นโลหะประกบกัน 2 แผ่น หรือติดด้วยลูกกระพรวนเป็นระยะ ใช้การตีกระทบกับฝ่ามือหรือสั่นเขย่าให้เกิดเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง เพื่อประกอบจังกวะให้เกิดความสนุกสนาน สดชื่น แทมบูรินบางชนิดจะขึงด้วยหนังเหมือนกลอง 1 ด้านใช้ฝ่ามือตีที่หนัง

           เครื่องดนตรีสากลประเภทเครื่องลิ่มนิ้ว



เปียโน เป็นเครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ด เกิดเสียงโดยการกดคีย์ที่ต้องการ แล้วคีย์นั้นจะส่งแรงไปที่กลไกต่างๆภายในเครื่อง เพื่อที่จะทำให้สายโลหะที่ขึงตึงสั่นสะเทือนทำให้เกิดเสียงดังขึ้น สายเสียงจะถูกตีด้วยค้อน ซึ่งเชื่อมโยงไปยังคีย์ที่กด โดยผ่านเครื่องกลไกที่ซับซ้อนที่เรียกว่า แอ็คชั่น แต่เดิมเปัยโนมีชื่อเรียกว่า เปียโนฟอร์เต ทั้งนี้เพราะ เปียโนสามารถบรรเลงด้วยเสียงเบาและเสียงดังได้อย่างเด่นชัด

 



ออร์แกน เป็นเครื่องดนตรีคีย์บอร์ดประเภทใช้ลม เมื่อมีลมเป่าผ่านท่อทำให้เกิดเสียงท่อละหนึ่งเสียง ออร์แกนมีแผงคีย์สำหรับกดด้วยนิ้วและแผงคีย์เหยียบด้วยเท้าแผงคีย์ที่กดเล่นด้วยมือเรียกว่า แมนนวล แผงคีย์ที่เหยียบด้วยเท้า เรียกว่า เพดดัล การบังคับกลุ่มท่อต่างๆซึ่งจะดไว้เป็นพวกเดียวกันทำได้โดยการใช้ปุ่มกด หรือดันยกขึ้นลง ที่เรียกว่า สต็อป ออร์แกนขนาดใหญ่จะมีกลุ่มท่อเปลี่ยนเสียงที่เรียกว่า รีจีสเตอร์ เป็นจำนวนมากเพื่อใช้สร้างสีสันแห่งเสียงได้หลากหลาย ออร์แกนสมัยใหม่ใช้ไฟฟ้าบังคับแกนลมซึ่งตามแบบดั้งเดิมนั้นลมที่ใช้ก็เกิดจากการอัดลมด้วยเท้าของผู้เล่นหรือไม่ก็มีผู้ช่วยอัดลมแทนให้
       
     ประโยชน์ของการเล่นดนตรี

1.ทำให้อารมณ์ดีคะ เวลาฟัง
2.ทำให้คนมีอาชีพเลี้ยงตัวคะ
3.ช่วยประชาสัมพันธ์ระดับล่างถึงระดับโลก
4.บำบัดอาการโรคต่างๆ เช่น โรคซึมเศร้า โรคจิต
5.ทำให้คนหายโกรธกัน รักกันก็ได้
6.ทำให้คนมีจิตสำนึกก็ได้ สร้างจิตสำนึกได้


 

เทเบิลเทนนิส



                                               เทเบิลเทนนิส

       



             ความหมายของเทเบิลเทนนิส

      กีฬาเทเบิลเทนนิส หรือ ปิงปอง ที่เรารู้จักกันนั้น ถือเป็นกีฬาที่มีความยากในการเล่น เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากธรรมชาติของกีฬาประเภทนี้นั้น ถูกจำกัดให้ตีลูกปิงปองลงบนโต๊ะของคู่ต่อสู้ ซึ่งพื้นที่บนฝั่งตรงข้ามมีเพียง พื้นที่ แค่ 4.5 ฟุต X 5 ฟุตเท่านั้น และลูกปิงปองยังมีความเบามาก เพียง 2.7 กรัม เท่านั้น และความเร็วในการเคลื่อนที่จากฝั่งหนึ่ง ไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ยังใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาทีอีกต่างหาก แถมลูกปิงปองที่ลอยอยู่ในอากาศนั้น ยังมีความหมุนรอบตัวเองอีกด้วย ซึ่งลูกปิงปองที่กำลังเคลื่อนที่มาหาเรานั้น เราจะต้องตีกลับไปอีกด้วย เพราะไม่ตี หรือ ตีไม่ได้ ก็หมายถึงการเสียคะแนนทันที


             ส่วนประกอบของตาข่าย

    ส่วนประกอบของตาข่าย จะต้องประกอยด้วยตาข่าย ตัวแขวน และเสาสำหรับค้ำ 2. ตาข่ายจะต้องขึงตึง และแขวนด้วยเชือก ซึ่งผูกติดบนปลายยอดเสา ซึ่งตั้งตรงสูงจากพื้นสนามเล่น 15.25 ซม. ส่วนที่ยื่นออกนอกเส้นข้างของโต๊ะจะต้องมีความยาวจากปลายเสาถึงขอบโต๊ะด้านนั้น ๆ ด้านละ 15.25 ซม. 3. ส่วนบนของตาข่ายตลอดแนวตาข่ายจะต้องสูงจากพื้นสนามเล่น 15.25 ซม. 4. ส่วนล่างของตาข่ายจะต้องอยู่ชิดกับพื้นสนามเล่น และส่วนปลายสุดของตาข่ายทั้งสองข้างจะต้องอยู่ชิดกับเสาให้มากที่สุด

           ลูกเทเบิลเทนนิส

1. ลูกเทเบิลเทนนิสจะต้องกลม และมีเส้นผ่าศุนย์กลาง 40 มม. (ปัจจุบั น)
   อดีตใช้ลูกขนาด 38 มม.
2. ลูกเทเบิลเทนนิสจะต้องมีน้ำหนัก 2.5 กรัม ( อดีต )
3. ลูกเทเบิลเทนนิสจะต้องทำด้วยเซลลูลอยด์ หรือวัสดุพลาสติกอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน มีสีขาว หรือสีเหลือง แต่ไม่สะท้อนแสง


           ไม้เทเบิลเทนนิส

1. ไม้เทเบิลเทนนิสจะมีรูปร่าง ขนาดและน้ำหนักอย่างไรก็ได้ แต่หน้าไม้จะต้องทำด้วยไม้ตลอด มีความหนาเท่ากันมีลักษณะแบนเรียบและแข็ง ความหนาของไม้ จะต้องทำด้วยไม้ธรรมชาติ อย่างน้อย 85 % ชั้นที่อัดติดอยู่ภายในหน้าไม้ ซึ่งทำด้วยวัสดุไฟเบอร์ เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ กลาสไฟเบอร์ หรือกระดาษอัด จะต้องมีความหนาเพียง 75 % ของความหนาทั้งหมดของหน้าไม้ หรือไม่เกิน 0.35 มม. ( ไม่ว่าจะอัดด้วยวัสดุอื่นใดก็ตาม)

2. หน้าไม้เเบิลเทนนิสด้านที่ใช้ในการตีลูก จะต้องมีวัสดุติดทับ วัสดุที่ติดทับนั้นจะต้องปิดทับคลุมตลอดหน้าไม้ด้านนั้น ๆ วัสดุที่ใช้ปิดทับนั้นจะเป็นยางแผ่นชนิดยางเม็ดยางธรรมดาอยู่ด้านนอก และไม่มีฟองน้ำรองรับ แผ่นยางชนิดนี้เมื่อทับหน้าไม้แล้วจะต้องมีความหนาทั้งสิ้นไม่เกิน 2 มม. หรือไม่มากกว่า 50 เม็ด ต่อ 1 ตารางเซนติเมตร หรือจะเป็นแผ่นยางชนิสอดไส้ ซึ่งประกอบด้วยชั้นยาง ฟองน้ำเซลลูลอยด์ปิดทับด้วยแผ่นยางเม็ด โดยจะเอาด้านยางเม็ดอยู่ด้านใน หรือหันเอายางเม็ดออกก็ได้ แต่ทั้งนี้เมื่อปิดทับหน้าไม้แล้ว จะต้องมีความหนาไม่เกิน 4 มม.

3. ส่วนของหน้าไม้ซึ่งอยู่ใกล้กับด้ามจับมากที่สุด และใช้นิ้วจับกำไว้นั้น อาจจะหุ้มด้วยวัสดุใด ๆ ก็ได้ ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการจัดกำ และส่วนดังกล่าวนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของด้านจับมองของไม้ด้วย


4. หน้าไม้ด้านที่ใช้วัสดุปิดทับหรือด้านที่ไม้ใช้วัสดุปิดทับจะต้องเป็นสีแดงหรือสีดำ และไม่สะท้อนแสง และไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดเป็นสีขาว หน้าไม้ด้านที่ไม่ใช้วัสดุปิดทับถึงแม้ว่าจะไม่ใช้ในการตีการตีลูกก็ตาม จะปล่อยให้เป็นสีไม้ธรรมชาติไม่ได้ ต้องฉาบให้เป็นสีแดงหรือดำไม่สะท้อนแสง


5. การที่วัสดุปิดทับมีสีที่เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย โดยสาเหตูจากอายุ คุณภาพของวัสดุนั้น ไม่ถือว่าเป็นการจงใจละเมิดกติกา

6. ถ้าผู้เล่นมีความประสงค์จะเปลี่ยนไม้แร็กเกตในระหว่างการแข่งขันแต่ละเกมส์ แม้ว่าผู้เล่นนั้นจะเปลี่ยนกลับไปใช้ไม้อันเดิม ซึ่งใช้อยู่ก่อนแล้วก็ตาม ผู้เล่นคนนั้นจะต้องนำไม้แร็กเกตที่เปลี่ยนใหม่นี้ไปให้กรรมการผู้ตัดสิน และคู่แข่งขันได้ดู และตรวจสอบก่อนทุกครั้ง

      

             ประโยชน์ของเทเบิลเทนนิส

1. สายตา

สายตาจะต้องจ้องมองลูกอยู่ตลอดเวลา แต่การจ้องลูกอย่างเดียวก็ยังไม่เพียงพอ เพราะจะต้องจ้องมองและสังเกตหน้าไม้ของคู่ต่อสู้อีกด้วยว่า ตีลูกความหมุนลักษณะใดมาหาเรา


2. สมอง

ปิงปอง เป็นกีฬาที่ต้องใช้สมองในการคิดเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องคิดอยู่ตลอดเวลา รวมถึงต้องวางแผนการเล่นอีกด้วย


3. มือ

มือที่ใช้จับไม้ปิงปอง จะต้องคล่องแคล่วและว่องไว รวมถึงต้องรู้สึกได้เมื่อลูกปิงปองสัมผัสถูกหน้าไม้


4. ข้อมือ

ในการตีบางลักษณะ จำเป็นต้องใช้ข้อมือเข้าช่วย ลูกจึงจะมีความหมุนมากยิ่งขึ้น

5. แขน

ต้องมีพลกำลังและมีความอดทนในการฝึกซ้อมที่ต้องซ้อมแบบซ้ำและซ้ำอีก


6. ลำตัว

การตีลูกปิงปองในบางจังหวะ ต้องใช้ลำตัวเข้าช่วย


7. ต้นขา

แน่นอนว่าเมื่อกีฬาปิงปองเป็นกีฬาที่มีความเร็วสูง ต้นขาจึงต้องแข็งแรง และเตรียมพร้อมในการเคลื่อนที่ตลอดเวลา


8. หัวเข่า

ต้องย่อเข่า เพื่อเตรียมพร้อมในการเคลื่อนที่


9. เท้า

ต้องเคลื่อนที่เข้าหาลูกปิงปองตลอดเวลา หากเท้าไม่เคลื่อนที่เข้าหาลูกปิงปอง ก็จะทำให้ไม่มีฟุตเวิร์ด และตามตีลูกปิงปองไม่ทัน
 
     การมีจิตใจและมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย , การได้มีโอกาสมากกว่าผู้ที่ไม่ได้เล่นกีฬาในการเข้าศึกษาในสถาบันหรือโรงเรียนต่างๆ หรือ หากได้มีโอกาสรับใช้ชาติได้ ก็จะเป็นเกียรติต่อทั้งวงศ์ตระกูลรวมทั้งประโยชน์ต่อตนเอง ทั้งชื่อเสียง , ประสบการณ์ในการเดินทางไปแข่งขันในดินแดนต่างๆ หรือ อาจจะสามารถประกอบเป็นอาชีพในประเทศที่มีการเล่นกีฬาปิงปองเป็นอาชีพได้





วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การวาดภาพ



                                                                การวาดภาพ


          



        ความหมายของการวาดภาพ

      การวาดเขียน คือ ผลงานสร้างสรรค์ของมนุษย์ โดยการวาดหรือเขียนเครื่องมือลงบนพื้นระนาบรองรับด้วยวีธีการขีด เขียน ปาด ระบาย ฯลฯ โดยใช้สีเพียงสีเดียว แต่อาจทำให้เกิดน้ำหนักต่าง ๆ เป็น 3 มิติได้
 

การวาดเขียน คือ การเขียนรูปภาพต่าง ๆ คำว่า "วาด" หมายถึง เขียนหรือลากเส้นเป็นลวดลายหรือรูปภาพ

 
การวาดเขียน คือ วิธีการสร้างงานศิลปะวิธีหนึ่งในจำนวนหลาย ๆ วิธี ผลงานของการวาดเขียนก็คือ ศิลปกรรมประเภทหนึ่งที่จัดอยู่ในประเภททัศนศิลป์

ศิลปะ คือ การเลียนแบบธรรมชาติ การวาดเขียนก็เป็นการเลียนแบบธรรมชาติเช่นกัน
 

        ความสำคัญของการวาดเขียน


1. เป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่สำคัญและสัมพันธ์กับงานศิลปะทุกแขนง
2.เป็นวิิธีการหนึ่งที่ทำให้เกิดภาพเขียนและเป็นวิธีที่สะดวกทำให้เกิดคุณค่าในงานสร้างสรรค์ศิลปะ
3. เป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดความคิดได้ให้มองเห็นได้ในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ อย่างมีกระบวนการโดยเริ่มต้นจากความคิดในสมองของมนุษย์ซึ่งไม่สามารถมองเห็น จึงมีการเขียนตามความคิด นั้นออกมาให้เป็นรูปร่าง รูปทรงของสิ่งที่คิดขึ้น ต่อจากนั้นจึงลงมือปฏิบัติตามรูปแบบที่เขียนไว้
4. สามารถบันทึกความประทับใจได้อย่างฉับพลัน
5.เป็นผลงานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของผู้วาด ดดยมุ่งหมายถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกและความคิดของตนไปยังผู้อื่น


         การวาดเส้นเพื่อ

1.เพื่อการแสดงออก การถ่ายทอดทางอารมณ์ ความรู้สึกและจินตนาการของมนุษย์
2. เพื่อการสื่อสาร เป็นสัญลักษณ์ เครื่องหมาย ภาษา
3. เป็นเครื่องมือบันทึกข้อเท็จจริง ข้อมูล ประสบการณ์ ประวัติศาสตร์ของมนุษย์
4. เพื่อเตรียมการ ทดลอง ทำแบบร่างสำหรับงานออกแบบและงานศิลปะ
5. เพื่อปลุกและพัฒนาความคิดที่เป็นสาระต่อการสร้างสรรค์ พัฒนาจิต สมาธิ ความสัมพันธ์ระหว่างกายและจิตขระปฏิบัติการ
6. เพื่อการศึกษาธรรมชาติ ชีวิต ความสัมพันธ์กลมกลืน และขัดแย้งในสาระแห่งธรรมชาติ เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์วิธีหนึ่ง
7. เป็นพื้นฐานในการศึกษาศิลปะ เพิ่มพูนความชำนาญ เพื่อเสริมทักษะในการแสดงออกทางศิลปะ
8. เป็นเครื่องมือช่วยในการศึกษาวิชการทุกแขนง
9. เพื่อตัวของมันเองโดยความตั้งใจของศิลปินที่สร้างสรรค์ให้งานวาดเส้นเป็นศิลปะกรรมที่สมบูรณ์ แบบโดยตัวของมันเองไม่ต้องอิงกับวัตถุประสงค์อื่น

           ประโยชน์ของการวาดภาพ


1 เพื่อความเพลิดเพลินเป็นกิจกรรมยามว่างของผู้ที่สนใจ

2 ศิลปะเป็นเครื่องจรรโลงใจให้แก่มนุษย์โลก

3 ศิลปะเป็นสื่อที่ใช้ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกของผู้ที่
สร้างงานได้เป็นอย่างดี

4 ศิลปะสามารถทำรายได้ให้แก่ผู้ที่สร้างสรรค์งานได้

5 ศิลปะสามารถนำไปประยุกต์กับศาสตร์แขนงอื่นๆ ได้






 

การเล่นคอมพิวเตอร์

                                                     


                                                 การเล่นคอมพิวเตอร์

               
                            
              
                  ประโยชน์และโทษของคอมพิวเตอร์

    จากการที่คอมพิวเตอร์มีลักษณะเด่นหลายประการทำให้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวันในสังคมเป็นอย่างมาก ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือ การใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ เช่น พิมพ์จดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซึ่งเรียกว่างานประมวลผล ( Word processing) นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในด้านต่างๆ อีกหลายด้าน นอกจากคอมพิวเตอร์จะมีประโยชน์มากมายแล้ว โทษที่เกิดจากใช้คอมพิวเตอร์ก็มีด้วยเช่นกัน ดังจะกล่าวต่อไปนี้


                ประโยชน์จากการใช้คอมพิวเตอร์

ด้านการศีกษา : สร้างสื่อการเรียนการสอนได้หลายรูปแบบ ค้นหาข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ศึกษาบทเรียนออนไลน์


                                                      

ด้านความบันเทิง : สามารถใช้คอมพิวเตอร์เพื่อความบันเทิงได้ เช่น เล่นเกมส์ ดูภาพยนตร์ ร้องเพลง ฟังเพลง เป็นต้น



                                                         

ด้านติดต่อสื่อสาร : สามารถใช้คอมพิวเตอร์ รับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ได้ และยังสามารถสนทนาผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้



                                                             

ด้านการออกแบบและสร้างงานศิลปะ : สามารถนำคอมพิวเตอร์ มาช่วยในเรื่องการ

ออกแบบงาน สร้างงานกราฟิกได้


                                                  
                                               



ด้านการพิมพ์เอกสาร : สามารถนำคอมพิวเตอร์ มาสร้างงานด้านงานเอกสารสิ่งพิมพ์ต่างๆ หรือนำเสนองานเป็นรูปเล่มได้

                                                             
                                                            
                

                    โทษจากการใช้งานคอมพิวเตอร์

เสียสุขภาพ : การใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น สายตาพร่ามัว ปวดเมื่อยตามร่างกาย เป็นต้น



                                                        

ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างลดลง : ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวและคนรอบข้างลดน้อยลง เพราะเวลาส่วนใหญ่จะถูกใช้ไปกับการอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ขาดสังคมได้


                                                         


เกิดปัญหาสังคม : ทำให้เกิดปัญหาสังคม เช่นการล่อลวงเพื่อทำการมิดีมิร้าย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับวัยของนักเรียน เพราะเป็นวัยที่ไว้ใจคนง่าย จึงเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ดี


                                                         



เกิดการเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดี : เพราะสื่อที่เห็นทางอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดการเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม เช่น การแสดงออกกับเพศตรงข้ามอย่างไม่เหมาะสม หรือ แม้กระทั่งการตั้งแก๊งก่อเหตุต่างๆ เป็นต้น


                                                        



วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การเล่นฟุตซอ




                                                       การเล่นฟุตซอ

              
               
                                              
                                                


        ความหมายของฟุตซอ

ฟุตซอล (futsal) เป็นกีฬาประเภทหนึ่งลักษณะการเล่นเหมือนฟุตบอล แต่เป็นการเล่นในร่ม โดยฟีฟ่าเป็นองค์กรที่ควบคุมการเล่นฟุตซอลทั่วโลก ชื่อ ฟุตซอล มาจาก ภาษาโปรตุเกส ว่า futebol de salão และภาษาสเปน ว่า fútbol sala ซึ่งทั้งสองคำหมายถึง ฟุตบอลที่เล่นในห้อง
ประวัติฟุตซอล
          คำว่า ฟุตซอล มีรากศัพท์มาจากภาษาสเปนหรือโปรตุเกส ที่ว่า FUTbol หรือ FUTebol และภาษาสเปนหรือฝรั่งเศสเรียกคำว่า Indoor เป็นคำว่า SALa เมื่อนำมารวมกันจึงกลายเป็นคำว่า ฟุตซอล

          กีฬาฟุตซอล ถือกำเนิดขึ้นในประเทศเเคนาดา เมื่อปี ค.ศ. 1854 (พ.ศ. 2397) เนื่องจากเมื่อย่างเข้าหน้าหนาว หิมะตกคลุมทั่วบริเวณ ทำให้นักกีฬาไม่สามารถเล่นกีฬาฟุตบอลกลางเเจ้งได้ จึงหันมาเล่นฟุตบอลในร่ม โดยใช้โรงยิมบาสเกตบอลเป็นสนามเเข่ง ทำให้ช่วงนั้นเรียกกีฬาฟุตซอลว่าIndoor soccer (อินดอร์ซอคเกอร์) หรือ five a side soccer          ปี ค.ศ. 1930 (พ.ศ. 2473) ฮวน คาร์ลอส เซอเรียนี จากเมืองมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย  ได้นำกีฬาฟุตซอลไปใช้ในสมาคม YMCA (Young Man's Christuan Association) โดยใช้สนามบาสเกตบอลในการเล่นทั้งภายในและภายนอกอาคาร ทำให้กีฬา Indoor soccer ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

          ปี ค.ศ. 1932 (พ.ศ. 2475) โรเจอร์ เกรน ได้บัญญัติกฎเพื่อใช้เป็นมาตรฐานควบคุมกีฬาชนิดนี้ และใช้มาจนถึงทุกวันนี้ หลังจากนั้นไม่นาน กีฬาชนิดนี้ก็เเพร่หลายไปทั่วโลก เป็นที่นิยมทั่วทั้งทวีปอเมริกาใต้ ทวีปยุโรป และแพร่กระจายไปทั่วโลก

          ปี ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508) มีการจัดการเเข่งขันฟุตซอลนานาชาติเป็นครั้งแรก และประเทศปารากวัยก็เป็นทีมชนะเลิศ ต่อจากนั้นก็มีการจัดเเข่งขันในระดับนานาชาติมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) มีการจัดฟุตซอลชิงแชมป์โลกขึ้นที่ประเทศบราซิล และเจ้าภาพเองก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะไป จึงมีการจัดการแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการอีก 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528) และ ปี ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) ที่มีประเทศสเปนเเละออสเตรเลียเป็นเจ้าภาพ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ได้เข้ามาดูแลจัดการเเข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลกอย่างเป็นทางการ




กติกาฟุตซอล 

               
สนามแข่งขันฟุตซอล
          สนามเเข่งขันต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความยาวเส้นข้างต้องยาวกว่าความยาวเส้นประตู โดยสนามมีความยาวต่ำสุด 25 เมตร สูงสุด 42 เมตร ความกว้างต่ำสุด 15 เมตร สูงสุด 25 เมตร
    



  ลูกบอลฟุตซอล

          ลูกบอลต้องเป็นทรงกลม ทำด้วยหนังหรือวัสดุอื่น ๆ เส้นรอบวงไม้น้อยกว่า 62 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 64 เซนติเมตร ขณะการแข่งขัน ลูกบอลต้องมีความดันลม ไม่น้อยกว่า 400 กรัม ไม่มากกว่า 440 กรัม ความดันลมของลูกบอลจะอยู่ที่ ความดันลมของลูกบอล 0.4 – 0.6 ระดับบรรยากาศ

                                        


ผู้เล่นฟุตซอล
          จะมีผู้เล่นทั้งสองทีม ทีมละไม่เกิน 5 คนอยู่บนสนาม และหนึ่งใน 5 คนนี้ ต้องเป็นผู้รักษาประตู และอนุญาตให้มีผู้เล่นสำรองไม่เกิน 7 คน อนุญาตให้เปลี่ยนตัวผู้เล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำกัดจำนวน สามารถเปลี่ยนตัวได้ตลอดเวลา ผู้เล่นที่เปลี่ยนออกไปแล้วสามารถกลับเข้าไปเล่นใหม่ แต่ในกรณีที่ทีมหนึ่งที่เหลือผู้เล่นน้อยกว่า 3 คน รวมผู้รักษาประตู จะต้องยกเลิกการเเข่งขัน

          ผู้เล่นต้องไม่สวมใส่เครื่องประดับใด ๆ ที่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น โดยอุปกรณ์เบื้องต้นมี
          1.   เสื้อยืดหรือเสื้อเชิ้ต
          2.   กางเกงขาสั้น (ถ้าสวมกางเกงปรับอุณหภูมิ สีของกางเกงนั้นจะต้องเป็นสีเดียวกันกับสีหลักของกางเกง

          3.   ถุงเท้ายาว
          4.   สนับแข้ง        
          5.   รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหนังนิ่ม หรือรองเท้าออกกำลังกายพื้นยาง


ระยะเวลาการแข่งขัน          การแข่งขันทีทั้งหมด 2 ครึ่ง ครึ่งละ 20 นาที และระยะเวลาการแข่งขันแต่ละครึ่งอาจเพิ่มเวลาเตะลูกโทษ ณ จุดโทษ ส่วนการขอเวลานอกนั้น ทั้งสองทีมมีสิทธิขอเวลานอก 1 นาที ในแต่ละครึ่งเวลา

การนับประตู
          การนับประตูจะเป็นผลเมื่อบอลทั้งลูกผ่านเส้นประตูระหว่างเสาประตูใต้คานประตู แต่ต้องไม่มีการทำผิดกติกาโดยทีมที่ทำประตู ผู้รักษาประตูไม่สามารถทำประตูได้ด้วยมือ และผู้เล่นฝ่ายรุกไม่สามารถทำประตูได้ด้วยแขน



ประโยชน์ของการเล่นกีฬาฟุตซอล


การเล่นกีฬาทุกชนิดย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เล่นทั้งทางตรงและทางอ้อม

ฟุตซอลเป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่ีมีประโยชน์ต่อผู้เล่นดังนี้

1. การเล่นกีฬาฟุตซอลจะต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา มีความเชื่อมั้นในตัวเอง มีไหวพริบดี สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ ตัดสินใจรวดเร็วแน่นอน แม่นยำ ดังนั้นฟุตซอลจึงเป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่ช่วยฝึกฝนให้ผู้เล่นมีไหวพริบและแก้ปัญหาอย่างฉับพลันได้

2. ฟุตซอลเป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่างกายให้แข็งแรง ช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบกล้ามเนื้อ ระบบการหายใจ ระบบขับถ่าย ระบบการไหลเวียนของโลหิต เป็นต้น




3. ฟุตซอลเป็นกีฬาที่ช่วยส่งเสิรมกิจกรรมที่รวมการเคลื่อนไหว เช่น การวิ่งหลบหลีก การแย่ง การรับ การส่ง การกระโดด การเตะ ตลอดจนการใช้เท้าให้สัมพันธ์กับสายตาด้วย



















วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การฟังเพลงที่ถูกต้อง



                                การฟังเพลง


     
   
                                              


 ความหมายของการฟัง


    การฟัง คือ  การรับรู้ความหมายจากเสียงที่ได้ยิน เป็นการรับสารทางหูการได้ยินเป็นการเริ่ม  ต้นของการฟัง
และเป็นเพียงการกระทบกันของเสียงกับประสาทตามปกติจึงเป็นการใช้ความสามารถทางร่างกายโดยตรง
ส่วนการฟังเป็นกระบวนการท างานของสมองอีกหลายขั้นตอนต่อเนื่องจากการได้ยินเป็นความสามารถที่จะ
ได้รับรู้สิ่งที่ได้ยิน ตีความและจับความสิ่งที่รับรู้นั้นเข้าใจและจดจ าไว้ ซึ่งเป็นความสามารถทางสติปัญญา




จุดมุ่งหมายของการฟัง


    
   เวลาเราฟังเรามักไม่ทันคิดว่า เราฟังเพื่อความมุ่งหมายอะไรแต่เรารู้ว่า เมื่อเราไปฟังดนตรีเราฟังเพื่อ
ความเพลิดเพลินและความสุขใจเป็นส าคัญ เมื่อไปฟังปาฐกถาเราอาจฟังเพื่อให้ได้รับความรู้และได้รับความ
เพลิดเพลินด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ดีหากเราก าหนดจุดมุ่งหมายในการฟังแต่ละครั้งแต่ละเรื่องไว้ก็จะท าให้เรา
ตั้งใจฟังท าให้เกิดความเข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่องที่ฟังและได้รับประโยชน์จากการฟังอย่างเต็มที่ เราพอจะ

  แบ่งจุดมุ่งหมายของการฟังออกได้ดังนี้




๑)  การฟังเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจ าวัน

๒)  การฟังเพื่อความเพลิดเพลิน
๓)  การฟังเพื่อรับความรู้
๔)  การฟังเพื่อได้คติชีวิตและความจรรโลงใจ

    การฟังจะประสบผลส าเร็จได้ต้องมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนชัดเจน จุดมุ่งหมายการฟังแต่ละครั้งจะแตกต่างกัน

  ประโยชน์ของการฟังเพลง


 การฟังเพลง

     ถ้าฟังเพลง โดยไม่คิดอะไรวอกแวก ตั้งใจฟังมีสมาธิต้องไม่มีอารมณ์มาแทรกภายใน 2 – 3นาที ที่เพลงบรรเลงจิตจะนิ่งขึ้น เกิดความสงบ ประโยชน์การเคลื่อนไหวร่างกายร่วมกับการฟังเพลง

- บริหารสมองสร้างความสมดุลทั่วร่างกายและจิตใจ
- ฝึกการประสานงานของประสาทมองเห็น การมองเห็น การรับฟังและการเคลื่อนไหว
- เพิ่มองศาและกำลังของการเคลื่อนไหว

การฟังเพลงที่มีท่วงทำนองที่ไพเราะ นุ่มนวล มีชีวิตชีวา สร้างสรรค์ ให้ความหมายที่ดี นอกจากเพลงที่ชอบฟังเป็นประจำแล้ว หากมีเวลาควรฟังเพลงให้ได้หลากหลายประเภท และไม่ควรฟังเพลงพร้อมกับทำงานที่ต้องใช้ความคิด อาจได้งานที่ไม่มีประสิทธิภาพพอ

ประโยชน์ของการฟังเพลง

1. ทำให้มีความสุข และเพลิดเพลิน
2. ลดความเจ็บปวด3. มีสติความนึกคิดอารมณ์ที่ดี
4. ทำให้ผ่อนคลาย ลดความกังวล

ข้อแนะนำการฟังเพลง

- จังหวะ ช้า ๆ ปานกลาง, เร็ว,กระชับ
- ทำนองเพลงไพเราะ อ่อนหวาน,สนุกมีชีวิตชีวา สดชื่น ร่าเริง แจ่มใสเสียงนักร้อง ระดับปานกลางชวนฟัง ทุ้ม นุ่ม ใส กังวาน ชัด- เครื่องดนตรี ไวโอลิน กีต้าร์ เปียโน ขิม ที่เล่นด้วยมนุษย์ เสียงจะแน่น










วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การอ่านสือที่ถูกต้อง



                                                  การอ่านหนังสือที่ดี

ความสำคัญของการอ่านหนังสือ





การอ่านมีความสำคัญอย่างยิ่ง ยิ่งเทคโนโลยีเจริญรุดหน้าไปเท่าไหร่ การอ่านยิ่งมีความสำคัญและจำเป็นมากเท่านั้น แต่การอ่านจะต้องได้รับการปลูกฝังมาแต่เยาว์วัยจากครอบครัว โรงเรียน และสังคม การส่งเสริมให้เยาวชนมีนิสัยรักการอ่านรู้จักแสวงหาความรู้ด้วยตนเองนั้น จะว่ายากก็ยาก แต่ถ้าว่าไม่ยากก็ไม่ถึงกับเหลือบ่ากว่าแรงที่จะทำได้ ทั้งนี้ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ครอบครัว โรงเรียน และสภาพสังคม

แนวทางของกรมวิชาการในการพัฒนาเยาวชนให้มีความรู้ความสามารถโดยส่งเสริมให้เยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน รู้จักศึกษาหาความรู้เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยริเริ่มโครงการรณรงค์เพื่อการส่งเสริมการอ่าน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 เป็นต้นมาและมีการเผยแพร่เทคนิคการจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างกว้างขวาง เช่น ส่งเสริมการอ่านในโรงเรียนทั่วประเทศ โดยมีนโยบายมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด มีการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนสามารถคิดเป็นทำเป็น มีนิสัยรักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง (กรมวิชาการ.2544 : 1)

ยิ่งในโลกยุคปัจจุบันจะต้องสร้างความตระหนัก และฝึกฝนให้เป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนยิ่งขึ้น จะต้องอ่านเก่ง คิดเป็น และสื่อสารเป็นจึงจะอยู่ได้อย่างมีความสุข และประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิ
การอ่าน สำหรับประเทศไทยหรือคนไทยแล้วถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับพลเมืองประเทศอื่นๆ การส่งเสริมการอ่านควรได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย อาทิ

- รัฐควรส่งเสริมเรื่องห้องสมุดประจำหมู่บ้านและชุมชน

- หนังสือที่ผลิตจำหน่ายในท้องตลาดไม่ควรมีราคาแพงเกินไป รัฐควรเข้ามาชดเชยส่วนต่างแก่ผู้ผลิต เรียกว่าการประกันรายได้ของผู้ประกอบการ

- หนังสือควรมีเนื้อหาน่าสนใจ หลากหลาย หาอ่านได้ง่าย

- ส่งเสริมให้พ่อแม่ปลูกฝังให้เด็กรักการอ่านหนังสือ

- มีการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ให้คนไทยรักการอ่านมากยิ่งขึ้น

- หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือ โรงเรียนควรมีห้องสมุดเปิดกว้างสำหรับเด็ก ไม่ควรจัดห้องสมุดเพื่อประกวดความสวยงาม แต่ควรเน้นที่กิจกรรมการอ่านมากกว่า

การพัฒนาคนให้มีคุณภาพสูงจะต้องใช้กระบวนการทางการศึกษาเป็นหลัก คนที่ได้รับการศึกษา (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) เท่านั้นจึงจะเป็นผู้ที่คิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาด

ประโยชน์ของการอ่านหนังสือ

1. การอ่านหนังสือทำให้ได้เนื้อหาสาระความรู้มากกว่าการศึกษาหาความรู้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การฟัง

2. ผู้อ่านสามารถอ่านหนังสือได้โดยไม่มีการจำกัดเวลาและสถานที่ สามารถนำไปไหนมาไหนได้

3. หนังสือเก็บได้นานกว่าสื่ออย่างอื่นซึ่งมักมีอายุการใช้งานจำกัด

4. ผู้อ่านสามารถฝึกการคิดและสร้างจินตนาการได้เองในขณะอ่าน

5. การอ่านส่งเสริมให้มีสมองดี มีสมาธินานกว่าและมากกว่าสื่ออย่างอื่น ทั้งนี้ เพราะขณะอ่าน จิตใจจะต้องมุ่งมั่นอยู่กับข้อความ พินิจพิเคราะห์ข้อความนั้นๆ

6. ผู้อ่านเป็นผู้กำหนดการอ่านได้ด้วยตนเอง จะอ่านคร่าวๆ อ่านละเอียด อ่านข้ามหรืออ่านทุกตัวอักษรเป็นไปตามใจของผู้อ่านหรือจะเลือกอ่านเล่มไหนก็ได้ เพราะหนังสือมีมาก  สามารถเลือกอ่านเองได้

7. หนังสือมีหลากหลายรูปแบบและราคาถูกกว่าสื่ออย่างอื่น จึงทำให้สมองของผู้อ่านเปิดกว้าง สร้างแนวคิดและทัศนคติได้มากกว่า ทำให้ผู้อ่านไม่ติดยึดอยู่กับแนวคิดใดๆโดยเฉพาะ

8. ผู้อ่านเกิดความคิดเห็นได้ด้วยตนเองวินิจฉัยเนื้อหาสาระได้ด้วยตนเอง รวมทั้งหนังสือบางเล่มสามารถนำไปปฏิบัติแล้วเกิดผลดี